1177 จำนวนผู้เข้าชม |
BLOG: รูปแบบการทำงานในโลก New World of Work
Work Modalities and Office Dynamics (รูปแบบการทำงานที่เปลี่ยนไป)
จากการรวบรวมข้อมูลของสถาบันชั้นนำและผู้เชียวชาญหลายท่าน บทความนี้รวมแนวโน้มที่สำคัญที่กำลังจะเกิดขึ้นในปี 2024 และแนวทางที่ HR ต้องรับมือกลับโลกการทำงานที่เปลี่ยนไป
ในโลกธุรกิจที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว, ปี 2024 เป็นปีที่เตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงศักยภาพในการทำงานที่มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในด้านทรัพยากรมนุษย์
1. Phygital จะกลายเป็นเรื่องปกติในโลก New Normal
Phygital = Physical + Digital ในปัจจุบันมีเทคโนโลยีมาเกี่ยวข้องมากขึ้น และกำลังปฏิวัติการทำงานด้านทรัพยากรบุคคล แต่ยังคงให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน ซึ่งการผสมผสานสิ่งที่ดีที่สุดทั้ง 2 ด้านเข้าด้วยกัน เพื่อยกระดับความสามารถพนักงานให้สูงขึ้น
การนำ Phygital มาใช้ไม่ใช่แค่การนำเครื่องมือทาง digital มาใช้เท่านั้น แต่รวมถึงการปรับตัวเข้าหาเทคโนโลยีมากขึ้น เพื่อการทำงานที่ราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น แนวทาง Phygital กำลังกลายเป็นเรื่องปกติในโลก New Normal ในด้าน HR
2. รูปแบบการทำงานที่มีความยืดหยุ่นสำหรับพนักงานทุกคน
ความยืดหยุ่นในสถานที่ทำงานกลายเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพนักงาน การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้ความต้องการนี้มีมากขึ้น โดยพนักงานจำนวนมากได้รับประโยชน์จากตารางการทำงานที่ยืดหยุ่น การสำรวจในด้าน HR ของ Gartner ชี้ให้เห็นว่าพนักงานมากกว่า 40% ต้องการตัวเลือกการทำงานที่ยืดหยุ่นมากขึ้นหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19
มากกว่าการตอบสนองต่อแรงกดดันจากภายนอก การนำเสนอรูปแบบการทำงานที่มีความยืดหยุ่นได้รับการยอมรับว่าเป็นแรงผลักดันสำคัญในการรักษาบุคลากรที่มีความสามารถ ผลงาน และความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน เป็นที่ชัดเจนว่ารูปแบบการทำงานที่ยืดหยุ่นจะเป็นรากฐานการทำงานในอนาคต
3. ออฟฟิศที่เปลี่ยนไปจากเดิม
ด้วยประสบการณ์ของพนักงานที่เคย Work From Home พนักงานจึงเริ่มคุ้นเคยกับความสะดวกสบายของพื้นที่ทำงานที่บ้านของตน เมื่อตระหนักถึงสิ่งนี้ บริษัทที่มีความคิดก้าวหน้าจึงกำลังปรับโฉมพื้นที่สำนักงานเพื่อนำความสะดวกสบายและบรรยากาศของสถานที่ตั้งนอกสถานที่เข้ามาสู่บรรยากาศสำนักงานแบบดั้งเดิม
เทรนด์นี้เป็นมากกว่าแค่การจัดวางเฟอร์นิเจอร์สมัยใหม่ แต่เป็นการสร้างสภาพแวดล้อมแบบองค์รวมที่พนักงานรู้สึกผ่อนคลาย ได้รับแรงบันดาลใจ คล้ายกับสถานที่ทำงานนอกสถานที่ที่พวกเขาชื่นชอบ ออฟฟิศแห่งอนาคตมีแนวโน้มที่จะมีลักษณะผสมผสานระหว่าง coworking space คาเฟ่ และบ้าน มากขึ้น
4. Asynchronous Work
การทำงานแบบ Asynchronous ช่วยให้พนักงานสามารถทำงานโดยไม่จำเป็นต้องโต้ตอบแบบเรียลไทม์อีกต่อไป ด้วยการเพิ่มขึ้นของทีมงานระดับโลกและโซนเวลาที่แตกต่างกัน เครื่องมือสื่อสารแบบ Asynchronous เช่น Slack หรือ Notion จึงได้รับความนิยมมากขึ้น วิธีการนี้ไม่เพียงแต่รองรับตารางเวลาของพนักงานแต่ละคนที่แตกต่างกันเท่านั้น แต่ยังส่งเสริมการทำงานโดยลดการหยุดชะงักของการทำงานได้ด้วย
ด้วยการส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่พนักงานสามารถตอบสนองในเวลาที่สะดวกที่สุด องค์กรต่างๆ จึงสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ปรับปรุงสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน และรองรับพนักงานที่หลากหลายมากขึ้น งานแบบ Asynchronous จะมีบทบาทสำคัญในการกำหนดรูปแบบการทำงานในอนาคต
5. รูปแบบการทำงานแบบไฮบริด
รูปแบบการทำงานที่เน้นสำนักงานเป็นหลักแบบเดิมๆ กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและความจำเป็นในการปรับตัว ปัจจุบันธุรกิจต่างๆ กำลังสำรวจโมเดลแบบ Work from home และแบบไฮบริด กรอบการทำงานเหล่านี้ไม่เพียงแต่ตอบสนองความต้องการด้านความยืดหยุ่นเท่านั้น แต่ยังช่วยให้บริษัทต่างๆ สามารถเข้าถึงกลุ่มผู้มีความสามารถระดับโลกได้อีกด้วย
แม้ว่าการทำงานแบบ Work from home จะทำให้พนักงานมีอิสระในการทำงานจากทุกที่ แต่โมเดลแบบไฮบริดก็ให้การผสมผสานระหว่างการทำงานในออฟฟิศและการทำงานแบบ Work from home ในขณะที่ธุรกิจต้องต่อสู้กับความท้าทายที่เกิดจากวิกฤตการณ์ทั่วโลก การเปลี่ยนแปลงด้านประชากรศาสตร์ และความคาดหวังของพนักงานที่เปลี่ยนแปลงไป โมเดลการทำงานแบบปรับเปลี่ยนได้เหล่านี้ จะนำไปสู่โซลูชันที่ยั่งยืนสำหรับอนาคต
แหล่งข้อมูล :
https://gfoundry.com/hr-trends-what-will-hr-look-like-in-2024/