1670 จำนวนผู้เข้าชม |
ในโลกธุรกิจที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว, ปี 2024 เป็นปีที่เตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงศักยภาพในการทำงานที่มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในด้านทรัพยากรมนุษย์
จากการรวบรวมข้อมูลของสถาบันชั้นนำและผู้เชียวชาญหลายท่าน บทความนี้รวมแนวโน้มที่สำคัญที่กำลังจะเกิดขึ้นในปี 2024 และแนวทางที่ HR ต้องรับมือกลับโลกการทำงานที่เปลี่ยนไป
ทั้ง 11 หัวข้อจะสรุปออกเป็นแนวโน้มที่เฉพาะเจาะจง โดยรวมจากแหล่งข้อมูลที่นับถือ เช่น Forbes, Gartner, Deloitte, McKinsey, PwC, Research Gate, Harvard Business Review และ Society for Human Resource Management
1. วัฒนธรรมที่เน้นความเป็นมนุษย์: the Future of HR
ในทุกธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมี “คน” เป็นส่วนสำคัญ โลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว กำลังเคลื่อนที่ไปสู่วัฒนธรรมที่เน้นความเป็นมนุษย์มาก การให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่ของพนักงาน การเติบโตและความเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร สามารถเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญของความสำเร็จทางธุรกิจได้ Harvard Business Review ได้เน้นข้อดีของวัฒนธรรมแบบนี้ ระบุถึงการเพิ่มผลลัพธ์และแรงจูงใจในการทำงานของพนักงานเพิ่มขึ้น
องค์กรที่ให้ความสำคัญต่อความเป็นอยู่ของพนักงานพบว่ามีการเพิ่มสถานภาพและแรงจูงใจ ซึ่งมีผลตรงต่อผลผลิตและกำไร Gallup พบว่าบริษัทที่มีระดับการรับรู้ของพนักงานสูงกว่ามีกำไรมากขึ้นอยู่ตลอดเวลา
2. การมุ่งเน้นด้านการเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน
ความเป็นอยู่ที่ดี รวมถึงสุขภาพทางร่างกาย, สุขภาพจิต, สุขภาพอารมณ์, สังคม, และสุขภาพการเงิน โดยการสนับสนุนความเป็นอยู่ของพนักงานในทุกด้านเหล่านี้ องค์กรสามารถเพิ่มผลผลิต, ลดการขาดงาน, และเสริมกำลังใจของพนักงาน องค์กรสามารถสร้างกำลังงานที่มีผลผลิตมากขึ้น, มีส่วนร่วมมากขึ้น, และมีความสุข
3. ขับเคลื่อนองค์กรอย่างมีเป้าหมาย
มุมมองเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงด้าน HR หนึ่งในแนวโน้มที่โดดเด่นคือการเกิดขึ้นขององค์กรที่มุ่งหวังจะมีคุณค่าทางสังคม องค์กรเหล่านี้ไม่เพียงแค่มุ่งหวังทำกำไร แต่ยังเน้นการช่วยเหลือสังคมด้วย พวกเขาปรับการกำหนดกลยุทธ์ธุรกิจของพวกเขาให้สอดคล้องกับจุดประสงค์ที่สูงกว่าคำว่ากำไร แนวโน้มนี้ คือ การสร้างสถานที่ทำงานที่มีความหมายโดยพนักงานรู้สึกว่างานของพวกเขามีความสำคัญที่มากกว่าแค่การรับเงินเดือน
การสำรวจของ Deloitte พบว่า "องค์กรที่ ให้ความสำคัญด้านคุณค่าทางสังคม มีความมั่นใจในการเจริญเติบโตของพวกเขา" องค์กรแบบนี้มักมีพนักงานที่มีส่วนร่วมมากขึ้น, ดึงดูดผู้ที่มีความสามารถสูง, และบ่อยครั้งรายงานผลกำไรที่ดีกว่า ช่วยให้มีแนวเน้นเป็นองค์กรที่มุ่งหวังจะมีผลกระทบทางสังคมไม่ใช่เพียงเรื่องความพึงพอใจของพนักงาน แต่ยังมีการเพิ่มเติมส่วนแข่งขันในธุรกิจด้วย
4. เงินเดือน, วัฒนธรรม, ความยืดหยุ่น, และงานที่มีคุณค่า
เมื่อคนรุ่นใหม่เติบโตขึ้น แนวโน้มในด้านทรัพยากรบุคคลรุ่นใหม่จะเปลี่ยนไป ค่าจ้าง, วัฒนธรรม, ความยืดหยุน, และงานที่มีความหมาย ไม่ได้เป็นปัจจัยที่แยกกันอีกต่อไป ปัจจัยเหล่านี้จะร่วมกันเป็น ความพอใจของพนักงาน, ผลผลิต, และความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน แรงงานรุ่นใหม่ไม่ได้ขับเคลื่อนแค่เรื่องการเงินเท่านั้น พวกเขาค้นหาประสบการณ์การทำงานที่ตรงกับความตั้งใจขอพวกเค้า การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนให้เห็นถึงการรับรู้ของสังคมที่เปลี่ยนไป คนมองหาคุณค่าที่มากกว่าเพียงแค่เงินเดือน
ทำไมนี่ถึงเป็นแนวโน้มนี้ ? รุ่น Millennials และ GEN Z เน้นการมีสมดุลงาน-ชีวิต, วัฒนธรรมขององค์กร, และจุดประสงค์ของงานของพวกเขามากกว่าตัวชี้วัดทางด้านเงินเดือน ในขณะที่องค์กรปรับตัวให้เหมาะสมกับความชอบเหล่านี้ การรวมรวมค่าจ้าง, วัฒนธรรม, ความยืดหยุน, และงานที่มีความหมายกลายเป็นความจำเป็นทางกลยุทธ์ไม่ใช่เพียงตัวเลือกอีกต่อไป
5. ประสบการณ์ของพนักงาน
ประสบการณ์ของพนักงานเป็นแนวทางแบบองค์รวมที่ครอบคลุมทุกปฏิสัมพันธ์ที่พนักงานมีกับองค์กร โดยครอบคลุมมากกว่าความรับผิดชอบในงานเพียงอย่างเดียว และครอบคลุมวัฒนธรรม เครื่องมือ และพื้นที่ (ทั้งทางกายภาพและDigital) ที่มอบให้กับพนักงาน
จุดมุ่งหมายคือการสร้างประสบการณ์ที่สม่ำเสมอ, สร้างแรงจูงใจ, การมีส่วนร่วมภายในองค์กร
Harvard Business Review เน้นย้ำว่าธุรกิจที่ลงทุนในประสบการณ์ของพนักงาน พบว่าอัตราการออกจากงานลดลงและมีผลประกอบการที่ดีขึ้น
เนื่องจากปัจจุบันพนักงานค้นหางานที่ให้คุณค่า ความหมาย และสอดคล้องกับเป้าหมายส่วนบุคคลและทางอาชีพมากขึ้นกว่าที่เคย ด้วยกระแสการทำงาน Work Form Home ที่เพิ่มขึ้นและการเกิดขึ้นของพนักงานทั่วโลก การรับรองประสบการณ์เชิงบวกของพนักงานจึงกลายเป็นปัจจัยสร้างความแตกต่างที่สำคัญในการสรรหาและรักษา Talent ไว้บริษัทที่ให้ความสำคัญกับประสบการณ์ของพนักงาน มีแนวโน้มที่จะได้รับขวัญกำลังใจที่ดีขึ้น อัตราการรักษาลูกค้าที่สูงขึ้น และผลลัพธ์ทางธุรกิจโดยรวมที่ดีขึ้น
6. ผลกระทบจากผู้นำ GEN X
ในขณะที่ Baby Boomers เกษียณอายุมากขึ้นเรื่อยๆ Generation X (เกิดระหว่างปี 1965 ถึง 1980) ก็กำลังก้าวขึ้นมารับตำแหน่งผู้นำในอุตสาหกรรมต่างๆ มากมาย ผู้นำ Gen X ต่างจากรุ่นก่อนๆ ผสมผสานรูปแบบความเป็นผู้นำแบบดั้งเดิมเข้ากับความเข้าใจโดยธรรมชาติเกี่ยวกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี โดยให้ความสำคัญกับทั้งประสบการณ์และนวัตกรรม การผสมผสานที่เป็นเอกลักษณ์นี้นำไปสู่แนวทางความเป็นผู้นำที่คล่องตัว เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีมากขึ้น ขับเคลื่อนธุรกิจไปสู่อนาคตด้วยความสามารถในการปรับตัวและมองการณ์ไกล
ด้วยการเพิ่มขึ้นของการเปลี่ยนแปลงทาง Digital แนวทางความเป็นผู้นำ Gen X ส่งเสริมมุมมองที่สมดุล เข้าใจความต้องการเครื่องมือ Digital ในขณะเดียวกันก็ชื่นชมความสามารถของมนุษย์ ประสบการณ์ของพวกเขาทั้งในยุคก่อนอินเทอร์เน็ตและยุค Digital ทำให้พวกเขาได้เปรียบเป็นพิเศษในการเป็นผู้นำทีมข้ามรุ่น ขับเคลื่อนทั้งความทันสมัยและการทำงานร่วมกันในสถานที่ทำงาน
7. HR Burnout!!! เป็นวิกฤตที่ต้องแก้ไข
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ผู้เชี่ยวชาญด้านทรัพยากรบุคคล เผชิญกับแรงกดดันและความต้องการที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งนำไปสู่แนวโน้มภาวะ Burnout เพิ่มมากขึ้น ภาวะ Burnout ในฝ่ายทรัพยากรบุคคลไม่ได้เกี่ยวกับความเหนื่อยล้าของแต่ละบุคคลเท่านั้น มันส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพของทั้งองค์กรและอาจขัดขวางการรักษาและการได้มาของ Talent อีกด้วย เมื่อบริษัทต่างๆ เติบโตขึ้น ความต้องการทรัพยากรบุคคลก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน ทำให้ธุรกิจจำเป็นต้องรับรู้และจัดการกับภาวะ Burnout ของฝ่ายทรัพยากรบุคคลอย่างเร่งด่วน
การทำงาน Work Form Home ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ดังที่ Gallup เน้นย้ำ และความรับผิดชอบที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับความเป็นอยู่และสุขภาพจิตที่ดีของพนักงาน ได้ขยายความท้าทายที่ผู้เชี่ยวชาญด้านทรัพยากรบุคคลต้องเผชิญ
ทำไม HR Burnout ถึงกลายเป็นวิกฤติ
แผนกทรัพยากรบุคคลเป็นศูนย์กลางของการเปลี่ยนแปลงในที่ทำงาน ตั้งแต่การจัดการทีมที่อยู่ห่างไกลไปจนถึงการจัดการความวิตกกังวลที่เพิ่มสูงขึ้นของพนักงาน ได้ผลักดัน HR ไปสู่ดินแดนที่ไม่คุ้นเคย Harvard Business Review เน้นย้ำถึงความสำคัญของการป้องกันภาวะ Burnout ของพนักงาน และสิ่งนี้เกี่ยวข้องโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้เชี่ยวชาญด้านทรัพยากรบุคคลซึ่งเป็นแนวหน้าในการป้องกันความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน
8. การสนับสนุนผู้จัดการและผู้นำ
บริษัทต่างๆ ตระหนักถึงความสำคัญของการสนับสนุนผู้จัดการและผู้นำของตน ซึ่งหมายถึงการจัดหาทรัพยากร เครื่องมือ และการฝึกอบรมเพื่อจัดการทีมอย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะที่ธุรกิจเผชิญกับความท้าทายที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน การมีผู้นำที่แข็งแกร่งและยืดหยุ่นจึงเป็นสิ่งสำคัญ การสนับสนุนผู้นำไม่ใช่แค่การรับประกันความสำเร็จในการปฏิบัติงานเท่านั้น แต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการสร้างองค์กรที่ยั่งยืนและปรับตัวได้
9. การยกระดับทักษะผู้จัดการและผู้นำ
การยกระดับทักษะผู้จัดการและผู้นำ กำลังกลายเป็นเรื่องสำคัญ ด้วยการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่รวดเร็ว ผู้จัดการจึงต้องมีทักษะและความรู้ล่าสุด แนวโน้มนี้ได้รับแรงผลักดันจากการตระหนักว่าเพื่อให้บริษัทต่างๆ สามารถรักษาความสามารถในการแข่งขันได้ ความเป็นผู้นำของพวกเขาจะต้องมีความรู้จากหลากหลายสาขาและความสามารถในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทาง Digital
10. ความยืดหยุ่นภายในองค์กร
ความยืดหยุ่นขององค์กร หมายถึง ความสามารถของบริษัทในการปรับตัวเมื่อยุคสมัยเปลี่ยนแปลงไป บริษัทที่สามารถปรับโครงสร้างได้อย่างรวดเร็วอย่างมีประสิทธิภาพจะเติบโตได้ แนวโน้มนี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของกลยุทธ์ที่ยืดหยุ่นและบุคลากรที่คล่องตัวในสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่มีความผันผวนในปัจจุบัน
11. การให้ความสำคัญด้านสุขภาพจิต
ความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงานเป็นสิ่งสำคัญมาโดยตลอด แต่ตอนนี้ มีการให้ความสำคัญกับสุขภาพจิตเพิ่มมากขึ้น บริษัทต่างๆ กำลังรวมโปรแกรมด้านสุขภาพ ตารางการทำงานที่ยืดหยุ่น และทรัพยากรต่างๆ เข้าด้วยกันเพื่อให้แน่ใจว่าพนักงานมีสุขภาพจิตที่ดี แนวโน้มนี้ไม่ได้เป็นเพียงเกี่ยวกับผลประโยชน์ผู้อื่นเท่านั้น พนักงานที่มีสุขภาพที่ดีจะมีประสิทธิภาพ การมีส่วนร่วมกับวัฒนธรรมของบริษัทมากขึ้น
------------------------------------
อย่าลืมกด Favorite เพจ Thitaram Group ไว้ติดตามบทความดีๆ เทรนด์ HR ต่างๆ ได้ที่ช่องทางต่างๆ ด้านล่างนี้
- Facebook : เพจ Thitaram Group
- Linkedin : Thitaram Group
- Line OA : @thitaram (มี@)
- Instagram : Thitaram Group